อังกฤษกับสหรัฐอเมริกาในบอลโลกและบนโลก " War cuz World cup "
การจับสลากมาอยู่ในสายร่วมกันของอังกฤษและอเมริกา ต้องประกาศให้ชัดเจนเลยว่า มันเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีเกมหนึ่งเลยทีเดียว เพราะทั้งสองชาตินี้ ไม่ได้ต่างอะไรกับบ้านพี่เมืองน้องกันเลย ตอนแรกผมคิดเล่นๆว่า ถ้าในสายของอังกฤษมี อเมริกา ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์คงจะสนุกพิลึกน่าดู ที่ได้ดูพี่น้องห่ำหั่นกัน
และอีกเรื่องนึงที่อยากให้เกิดขึ้นคือ Group of U.K.(อังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลล์และไอแลนด์เหนือ) ซึ่งในทางทฤษฎีและทางปฎิบัติคงไม่มีโอกาสได้ดูเพื่อนบ้านแนบชิดตีกันเองเช่นกัน เพราะ 3 ทีมหลังทำได้แค่ใกล้เคียงกับการเล่นรอบสุดท้ายเองและถึงเข้ารอบมาได้ก็มีโอกาสน้อยมากทีเดียว ที่จะร่วมเล่นกัน 4 ทีมในสายเดียวกัน
อังกฤษไม่ใช่ยุโรปนะโว้ย ...
แม้ว่าอังกฤษจะเป็นสมาชิกอียูมา 30 กว่าปี แต่คนอังกฤษส่วนใหญ่ก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทวีป และมีคำที่เรียกประเทศอื่นๆว่า " The Continent " หรือไม่ก็เหมารวมโดยเรียกว่า "Europe" ไปเลย
โดยความที่อังกฤษเป็นเกาะที่โดดเดี่ยวและไม่มีพรหมแดนติดต่อกับประเทศอื่น ความเป็นเอกเทศเลยครอบงำจนทำให้ไม่อยากไปเกี่ยวคบค้าสมมาคมกับคนชาติอื่นๆ หรือกับบางคนอาจจะมี Ego จัดๆ เช่น การที่ไม่ชอบให้เอาค่าเงินปอนด์ของตัวเองไปรวมกับค่าเงินยูโรเลยด้วยซ้ำ เพราะมีความคิดที่ว่า "มันยิ่งกว่าเสียเอกราชทางค่าเงิน" เลยด้วยซ้ำ เออเอากับมันสิ !
อันนี้เป็นรายงานเป็นของ Euro-barometer
" ที่คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปจัดทำขึ้นเมื่อปี 2003 เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในยุโรป 28 ประเทศ พบว่าในบรรดาผู้ที่ถูกสอบถามทั้งหมด ชาวอังกฤษรู้สึกว่าตนมีความเป็นยุโรปอยู่ในตัว น้อยที่สุด (ประมาณ 30% ของคนอังกฤษที่ถูกถามรู้สึก อย่างนั้น) ในขณะที่ลักเซมเบิร์กกลับเป็นชาติที่ประชาชน รู้สึกว่า ตัวเองมีความเป็นยุโรปมากที่สุด (70 กว่าเปอร์เซ็นต์) นอกจากนี้พรรค UKIP (UK Independent Party) ของอังกฤษซึ่งมีนโยบายหลักที่จะเอาอังกฤษออกจากอียูให้ได้ ยังได้รับคะแนนเสียงมาก จนผู้แทนจากพรรคตัวเองได้ที่นั่งของ ส.ส.ประจำอียูเพิ่มจากแค่ 3 คนเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นตั้ง 12 คน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ นี่แสดงว่าชาวอังกฤษที่อยากตีตัวออกห่างอียูนั้นทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี "
คนอังกฤษบางส่วนรู้สึกว่าตัวเองมีความแน่นแฟ้นกับอเมริกามากกว่า เพราะเนื่องจากภาษาและบรรพบุรุษที่ทั้ง 2 ประเทศเกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้งและใกล้เคียงกันอย่างมากในเรื่องของวัฒนธรรม ก็คือลูกหลานของชาวอังกฤษเองนี่แหละ ที่อพยพย้ายถิ่นไปในดินแดนใหม่ ความสัมพันธ์มันก็ลึกซึ้งเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็ลองนึกภาพรวมของความร่วมมือทางการทหารและการเมืองตอนที่อังกฤษร่วมมือกับอเมริกาในการเข้าไปเหยียบถ้าเสือดินแดนแขก " อิรัก " ตอนนั้น อังกฤษเหมือนหูหนวกตาบอดเลย ไม่ฟังเสียงสมาชิกอียูที่รวมหัวกันคัดค้านแต่อย่างใด ลองเอารายการโทรทัศน์ในปัจจุบันของอังกฤษก็ได้ครับ จะเห็นได้ชัดเลยว่า ไม่มีซีรีย์จากประเทศอื่น ภาษาอื่นเลย มีแต่ซีรี่จากทางอเมริกาทั้งนั้นเลย ถ้าเป็นอย่างฝรั่งเศสหรือเยอรมัน จากมีรายการที่หลากหลายภาษาอยู่มากกว่า แต่อัตราส่วนไม่แน่ใจแฮะ เพราะไม่เคยไปเหยียบฝรั่งเศสและเยอรมันซะที
แต่ก็ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการที่คนอังกฤษบางพวกก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเกี่ยวดองร่วมญาติโกโหติกาอะไรทั้งนั้นกับทางอเมริกา เพราะอาจจะเป็นเรื่องของการรังเกียจพฤติกรรมบางอย่างที่คนอเมริกันจะคล้ายกับคนออสเตรเลีย(ออสเตรเลียก็มีความสัมพันธ์ลึกๆกับอังกฤษเช่นกัน เดี๋ยวรอบต่อไปอังกฤษมีโอกาสเจอกับออสเตรเลีย แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังครับ) เช่นทั้ง 2 เชื้อชาตินี้มักจะพูดจา โผงผางเสียงดัง ขัดกับพฤติกรรมที่ได้ขึ้นชื่อว่าผู้ดีของชาวอังกฤษเขานี่แหละ จะว่าไปเคยมีคนบอกว่าคนอังกฤษจะคล้ายกับคนนิวซีแลนด์(ถ้าอังกฤษเจอนิวซีแลนด์ จะมาขยายความอีกเช่นกันครับ ฮา) มากกว่านะ เพราะคนนิวซีแลนด์จะพูดจาได้ละเมียดละไมและเงียบๆซะมากกว่า แต่อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจริงแท้แค่ไหน เพราะไอ้เราก็ไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนนิวซีแลนด์ซะด้วยสิ (แต่ทำไมในทีมรักบี้ All blacks มันแหกปากโวยวายอย่างนั่นว่ะ)
เมื่อถามหาจุดยืนของความเป็นอังกฤษ
เหมือนว่าคนอังกฤษจะเป็นเชื้อชาติที่น่าอิจฉาเลย รายได้ของแต่ละคนมันโครตๆจะเวอร์มากๆ ดูอย่างพวกนักฟุตบอล อาทิตย์นึงๆรับเงินกันเท่าไหร่ Homeless (คนไร้บ้าน) แต่ละคน เขาแต่งตัวดีกว่าเราอีกด้วย เฮ้อ !! ชีวิต ...เอ้าลืมเลย จะบอกว่าคนอังกฤษเองเหมือนจะมีปมด้อยอยู่เหมือนกัน เหมือนกับต้องเผชิญว่า ตัวเองเป็นใคร ? และอะไรคือความเป็นอังกฤษที่แท้จริง (ศัพย์หรูๆ Indentity crisis) โดยเราจะเรียกพลเมืองหรือประชาชนของอังกฤษว่า ชาวบริติช (British) ไม่ใช่ว่าเรียกว่าชาวอังกฤษ เนื่องจากประเทศอังกฤษเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร( United Kingdom) เท่านั้น ส่วนอีก 3 ชาติ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งทั้ง 3 ชาตินี้มักถูกกลืนหายตกไปอยู่ภายใต้ปีกและร่มเงาของอังกฤษไป แต่ถึงแม้สกอตแลนด์จะเป็นส่วนหนึ่ง ของ U.K. แต่ทั้งชาวสกอต ชาวเวลส์ และชาวไอริช ต่างก็ไม่มีวันจะมองตัวเองว่าเป็นชาวอังกฤษเด็ดขาด แม้แต่คำว่า "บริติช" ก็ไม่คิดอยากจะใช้ เป็นยังไงละ ประเทศในกลุ่ม U.K. นี่ ชาตินิยมสุดๆไปเลย
และสิ่งที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นปมด้อยอย่างแท้จริง ก็น่าจะมาจากการที่คนอังกฤษในปัจจุบันมีหลายเชื้อชาติหลายสีผิวมาก ทั้งดำ ทั้งขาว ทั้งเหลือง หรือคนชาวเอเชียที่ไปตั้งถิ่นฐานที่อังกฤษอย่างพวกอินเดีย ปากีสถาน จีน ญี่ปุ่น นี่ก็เยอะมาก ซึ่งคนพวกนี้อาศัยอยู่นอังกฤษมา 10 กว่าปี จึงได้ความชอบธรรมในการเป็นเจ้าของบ้านไม่น้อยไปกว่าชาวอังกฤษแท้ๆซะอีก และนั่นแหละเป็นชนวนให้เกิดการเรียกร้องความเป็นอังกฤษให้กลับคืนมาใหม่ เพราะกลัวว่าวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ที่ตัวเองปฎิบัติมาจะสูญหายไปหมด ซึ่งมีหลายคนปักธงชาติอังกฤษ (เรียกว่าธงเซนต์จอร์จ เส้นสีแดง 2 เส้นตัดกันบนพื้นขาว) ไว้ที่หน้าบ้านเพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจในความเป็นอังกฤษของพวกเขาเอง
" ชนชาติและวัฒนธรรมนั้นเป็นสิ่งจอมปลอมที่มนุษย์ สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราจะไปยึดติดกับมันอยู่ทำไม เพราะจะพลอยทำให้ผู้คนแตกแยกกันเปล่าๆ สู้เรามาพูดเรื่องสิทธิการเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศกันไม่ดีกว่า หรือการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสันติภาพไม่ว่าจะมาจากชาติไหน สำคัญกว่าการ ยึดติดกับเรื่องชนชาติที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองตั้งเยอะ "
เอ้าร่ายมายาวเลย ว่าจะพูดถึงอังกฤษกับสหรัฐอเมริกา
0 comments